สวัสดีค่ะทุกคน บทความนี้ก็อยากมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของตังเองนะคะ จากการย้ายมาอยู่ที่อังกฤษด้วยวีซ่าติดตามและเริ่มต้น หางานในอังกฤษ อยากบอกทุกคนว่าที่นี่หางานง่ายมากๆ ค่ะ ถ้าเราอยู่ถูกที่
ส่วนตัวของแอ๋มนะคะเราย้ายมาอังกฤษก็ว่างงานอยู่กว่า 6 เดือนเลย เนื่องจากขั้นตอนต่างๆ ของวีซ่าและการอนุญาตให้ทำงานในประเทศ พอวีซ่าอนุมัติปุ๊บเราก็ตั้งหน้าตั้งตาหางานปั๊บ ช่วงแรกๆ เราไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะทำอะไร กลัวและกังกวลไปหมดไม่ว่าจะเรื่องของภาษาและวุฒิการศึกษาที่มาจากไทย ตอนแรกเราอยากทำงานออฟฟิศด้าน Marketing แบบที่เคยทำก็กังวลว่าเขาไม่รับเราแน่ๆ เพราะเรื่องวุฒิการศึกษาที่มาจากไทยและก็เรื่องภาษาที่เราไม่ได้เก่งเทียบเท่าแบบเจ้าของภาษา
สมัครงานไปตาม indeed เกือบร้อยที่แต่ก็ไม่ได้ยินที่ไหนเรียกกลับเลย จากนั้นเราเลยเปลี่ยนแนวสมัครโดยตรงกับองค์กรหรือหน่วยงานที่เราต้องการซึ่งผลก็ปรากฎว่าได้ค่ะทุกคน โดนเรียกสัมภาษณ์เกือบทุกที่ ตั้งแต่งานโรงพยาบาล งานสังคมสงเคราะห์และก็ตามหน่วยงานต่างๆ ของ Council
ซึ่งงานแรกของเราที่ได้ก็คือการเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ประเทศอังกฤษ ทำไปได้สักพัก 3 เดือนเรารู้สึกว่าไม่อยากที่จะเติบโตไปในสายนี้ ทั้งๆ ที่เรารู้ดีว่ารายได้และช่องทางการเติบโตกับงานนี้นั้นมีมากมาย แต่ก็นะทำอะไรที่เราชอบและถนัดงานมันจะออกมาดี จากนั้นเราก็เริ่มสมัครงานออฟฟิศต่างๆ กับหน่วยงานของ council อีกครั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเราโดนเรียกให้ไปสัมภาษณ์และก็ได้งานหลักงจากสัมภาษณ์ในวันนั้นเลย
ความชอบอย่างหนึ่งของการสัมภาษณ์งานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางทางรัฐของที่นี่ก็คือเวลาสัมภาษณ์งานทั่วไปเขาจะมีการให้ score คะแนนในแต่ละจุดแต่ละคำถาม ซึ่งคะแนนมันจะออกมาตอนนั้นเลยหลังจากจบการสัมภาษณ์มันจึงทำให้เราสามารถรู้ผลในวันนั้นหรือวันถัดไปได้เลย จะไม่มีการค้างให้เรารอเก้อแบบอีก 2 สัปดาห์จะติดต่อกลับอะไรแบบนี้ ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็คือ move on
อ่ะเข้าเรื่อง พอได้งานแล้วเราก็ต้องรอ process ของ pre employment check อยู่ประมาณ 3 เดือน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรผิดพลาดทาง line manager ก็โทรมานัดวันเริ่มงานและก็ออกคอนแทรคการทำงานให้กับเรา
จริงๆ โพสต์นี้ก็ไม่เชิงเล่าประสบการณ์แต่อยากจะมาเล่าเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหลายๆ คนที่ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษด้วยวีซ่าติดตามเหมือนกับแอ๋ม ถ้าหากว่าคุณมี skills นะ ไม่ต้องกังวลเลยกับการสมัครงานที่เราต้องการ ไม่อยากให้คนเก่งหลายๆ คน underestimate ตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวคุณมีความสามารถเทียบเท่ากับคนที่นี่ เราอาจจะพร่องในเรื่องของภาษาแต่เราสามารถ pick up เรียนรู้ได้เรื่องๆ ต่างจากประสบการณ์และ skills ที่เราสั่งสมมามันเป็นเวลากว่าหลายปี ฉนั้นเราจะต้องหาทางใช้มันให้ถูกที่ถูกงานค่ะ
แต่ก็อย่างว่าความสุขในการดำเนินชีวิตและการทำงานของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ถ้าเราทำอะไรที่เรามีความสุขชีวิตก็จะ happy ขอให้ทุกคนที่มาเริ่มต้นใหม่หาทางของตัวเองให้เจอเร็วๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในต่างแดนกันนะคะ
ทริคในการ หางานในอังกฤษ
ทั้งหมดนี้จากประสบกาณ์ส่วนตัวนะคะ ซึ่งของหลายคนอาจจะแตกต่างกันออกไป
- สมัครโดยตรงกับเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ
- เลือกสมัครกับหน่วยงานของรัฐ หรือ local authority เพราะมีความเป็น diversity สูง
- สมัครหลายๆ ที่ อย่าทิ้งความหวังไว้ที่ใดที่หนึ่ง
- อ่าน job description ให้เข้าใจเนื้องานจริงๆ
- เวลาสัมภาษณ์พยายามดึง skills ที่มีออกมาพูดให้ตรงกับ job description
- ใน Personal specification เขาระบุอะไรไว้ให้เอาตรงนั้นมาพูดและนำเสนอว่าเรามีสิ่งนั้นๆ ตรงนี้จะได้คะแนนในการสัมภาษณ์
- ดึงประสบการณ์ที่เราเคยมีสามารถปรับใช้ได้ยังไงกับงานใหม่แม้จะไม่เป็นสายงานเดียวกันก็ตาม
- ขยันไปสัมภาษณ์งานเพราะแม้ไม่ผ่าน แต่ในแต่ละครั้งเราจะได้เกล็ดความรู้และเทคนิคนำกลับมาใช้กับการสัมภาษณ์ครั้งต่อไป
บรรยากาศการทำงานออฟฟิศที่ประเทศอังกฤษ
ในส่วนของบรรยากาศการทำงานออฟฟิศที่นี้ส่วนตัวมองว่ามันค่อนข้างที่จะผ่อนคลายไม่เคลียดไม่กดดันเหมือนที่ไทยสักเท่าไหร่ คนที่นี่ให้ความสำคัญทั้งกับการทำงานและชีวิตส่วนตัว ฉนั้นชีวิตการทำงานมันจะ balance มากๆ ค่ะ การไม่รู้ไม่ได้แปลว่าโง่แต่เขาจะพยายามหาช่องทางวีธีให้เราได้พัฒนาในด้านของการทำงาน อย่างของแอ๋มเองบอกหัวหน้าว่าภาษาเป็นปัญหาหลักๆ ในงานทำงานเนื่องจากคนที่เราซัพพอร์ตเขาจะเป็นพวก Professors และ Researchers ภาษาที่เขาใช้ disscuss กันในที่ประชุมก็จะเป็นคำศัพท์ที่ค่อนข้างยาก พอหัวหน้ารู้ปัญหาเขาก็ถามเราเลยว่ามีวิธีไหนที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจภาษาเหล่านั้นได้มากขึ้น เช่น ลงคอร์สภาษาไหม หรือต้องการเวลาเพื่อที่จะได้อ่านงานต่างๆ เพื่อฝึกภาษาและคำศัพท์เหล่านั้น เค้าพร้อมซัพพอร์ตเราเต็มที่ถ้าสิ่งนั้นจะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น
ในส่วนของเพื่อร่วมงานก็คือดีมาก ทุกคน friendly คือออฟฟิศที่แอ๋มทำงานมีแต่คนอังกฤษล้วนๆ แต่หลังจากที่เราได้เข้าร่วมทีมเราไม่รู้สึกว่าเขาปฏิบัติกับเราแตกต่างเพราะคิดว่าเราเป็นต่างชาติเลย จนบางทีเราก็คิดในใจว่าพูดกับฉันช้าๆ ก็ได้ฉันไม่ใช่คนที่นี่ฟังเธอไม่รู้เลย 😀