Other · January 6, 2023

ชีวิตต่างแดน ความยากลำบากกับการปรับตัวในประเทศอังกฤษ

แน่นอนอยู่แล้วว่าการเริ่มต้น ชีวิตต่างแดน มันต้องมาพร้อมกับความยากลำบากในการปรับตัวในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องของภาษา อาหาร อากาศ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ รวมถึงวัฒนธรรมที่แตกต่าง ยิ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่ยึดติดกับความสะดวกสบายจากที่ไทยแล้วละก็บอกเลยว่าการเริ่มต้นชีวิตในประเทศใหม่สำหรับคุณนั้นมันจะไม่ง่ายเลยจริงๆ

ชีวิตต่างแดน ในอังกฤษต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง

ประสบการณ์เริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศอังกฤษของเราซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เลยอยากจะมาเล่าความรู้สึกความยากลำบากในช่วงแรกๆ ของการปรับตัวในการเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นี่ แต่ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่านี่คือประสบการณ์ส่วนตัวของเรา ความรู้สึกของเรา รูปแบบชีวิตของเรา ซึ่งมันอาจจะแตกต่างจากชีวิตของคนอื่นๆ ด้วยหลายสาเหตุ ด้วยหลายปัจจัย เพราะในบางเรื่องสำหรับบางคนมันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันคือเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากสำหรับเรา เราจึงได้รวบรวมมาไว้ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะได้แบ่งปันสำหรับทุกคนในการวางแผน เตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อที่จะย้ายมาใช้ชีวิตในต่างแดน

ภาษา

หลายคนอาจจะคิดว่ามาอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษยังจะต้องปรับตัวอะไรมากมายอีกหรอในเรื่องของภาษา ต้องยอมรับเลยนะคะว่าภาษาอังกฤษที่ประเทศอังกฤษเนี่ยมันไม่ง่ายเลย เพราะการใช้ภาษาของคนที่นี่นั้นมันสั้นและก็ไวมากๆ น้อยคนนักที่จะพูดจาชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือนในช่องข่าว BBC

ยิ่งการที่เรามาอยู่ในประเทศเขาแบบนี้คือเขาก็คาดหวังว่าเราสามารถสื่อสารได้เข้าใจภาษาได้ดี ดังนั้นมันจึงจะไม่มีโมเม้นแบบที่เราเคยสื่อสารกับชาวต่างชาติในไทยซึ่งเขาคือนักท่องเที่ยวในประเทศไทยเราสังเกตว่าเขาจะพูดช้าและชัดเจน แต่พอมาถึงที่อังกฤษคือทั้งพูดไว พูดเบา พูดไม่ชัด พูดสั้นตัดคำ บางคนพูดแบบไม่เปิดปาก

อีกอย่างคือคนอังกฤษจะชอบใช้คำพวก Slang หรือ Idiom เอามากๆ และถ้าเราไม่รู้จักคำพวกนั้นมาก่อนเราก็จะไม่รู้เลยว่าเขาสื่อสารเกี่ยวกับอะไร

สภาพแวดล้อม

ภาพแวดล้อมของเราในที่นี้คือบ้าน ที่อยู่ อาศัย นั่นเอง นี่คือความลำบากในการปรับตัวอันดับต้นๆ ของเราเลยก็ว่าได้ เพราะที่อังกฤษอย่างที่หลายคนทราบดีว่าบ้านที่นี่จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ด้วยความประเทศอังกฤษก็ไม่ได้มีพื้นที่ที่ใหญ่มากนักสัดส่วนเพียง 1/4 ของประเทศไทยแต่มีประชากรสูงพอๆ กับประเทศไทย อยู่ที่ราวๆ 65 ล้านคน บ้านทั่วไปที่นี่จึงมีขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งนิยมแบ่งซอยภายในเป็นห้องเล็กๆ แยกเป็นสัดส่วนมีประตูปิดกั้นทุกห้อง เช่น ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องทานข้าว ห้องน้ำ ห้องนอน ทุกห้องปิดประตูหน้าต่างมิดชิดเพราะกันอากาศหนาวจากภายนอก และเพื่อให้แต่ละห้องอบอุ่นในหน้าหนาว และไม่เปลืองค่าแก๊สสำหรับเครื่องทำความร้อน

การใช้ชีวิตในบ้านลักษณะนี้ช่วงแรกๆ ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะเราไม่ชินกับอากาศที่อุดอู้ไม่ถ่ายเท ช่วง 3-6 เดือนแรกรู้สึกจะเป็นภูมิแพ้ เพราะด้วยที่บ้านเลี้ยงทั้งหมาและแมวในบ้าน ซึ่งส่วนตัวเราไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงในบ้านมาก่อนเลย แต่สำหรับคนที่นี่ประโยคนี้ต้องมาเลย Love me love my dog. คนจะรักสัตว์เลี้ยงเอามากๆ

หมาอังกฤษ English sprinkle spaniel

อาหาร

เรื่องของอาหารดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงแรกๆ แต่พอนานไปเราก็เริ่มชินกับการทำอาหารทานเอง เพราะทุกอย่างสามารถหาซื้อได้ พริก น้ำปลา ผงชูรส รสดี มีครบที่ร้านเชียใกล้บ้าน แต่จะติดที่ราคาอาจจะสูงหน่อยถ้าเราเปรียบเทียบกับราคาไทยที่เราเคยซื้อ แต่ก็นั่นแหละเพราะสินค้าเหล่านั้นคือสินค้า Import เป็นธรรมดาที่จะมีราคาสูง

จากที่ไม่เคยทำอาหารก็ต้องหัดทำกินเอง ตอนแรกอาจจะกินได้บ้างไม่ได้บ้างแต่พอผ่านไปฝีมือก็พัฒนาขึ้นไปตามลำดับ แต่ก็นะแม้ว่าจะมีทุกอย่างให้หาซื้อได้แต่บางอย่างมันก็ไม่สดใหม่ ไม่อร่อยเหมือนที่ไทย อย่างเช่น อาหารทะเลที่เป็นอาหารโปรดของเรา ที่นี่หมึกสดคืออะไรลืมไปเลยจ้า หาซื้อยากมาก มีแต่แช่แข็งมาซึ่งกลิ่นและรสชาติมันไม่ได้เหมือนที่ไทย เวลาเลื่อนโซเชียลไปเจอคลิปอาหารที่ไทยก็คือมันเป็นโมเม้นที่ทรมานเอามากๆ อยากกลับไทยไปกินให้แหลกกันไปข้างเลย

สัญญาแล้วนะ สัญญากับตัวเองว่าทริปหน้ากลับไทยจะไปไล่กินให้ครบทุกร้านที่พัทยา ไม่ว่าจะเป็น ยำ ตำ ซีฟู้ด บุฟเฟ่ทะเลเผา อื้มมมม ของโปรดทุกร้านเลย

ชีวิตต่างแดน ทำอาหารกินเอง

ชีวิตต่างแดน ทานข้าวนอกบ้านอาหารเกาหลี

อากาศ

แม้จะบอกตัวเองว่าปรับตัวได้แล้วๆ โอแล้วๆ แต่ก็นั่นแหละค่ะที่อังกฤษก็คือแดดมีน้อยมากยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวท้องฟ้าก็จะเป็นสีเทาอยู่เป็นอาทิตย์ๆ เลย อากาศก็หนาวในวันหยุดมันเลยทำให้เราอยากนอนแต่อยู่บนเตียงไม่อยากไปไหนไม่อยากทำอะไร กินๆ นอนๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายไม่ได้หลั่งสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกเหงา ซึมเศร้าได้ในบางคน ส่วนของเราผลก็คืออ้วนเอาได้ง่ายๆ เลย และอีกอย่างการขาดวิตามินดีก็คือผมร่วงเยอะมากๆ ร่วงเยอะวันนึงเป็นกำๆ จนรู้สึกตกใจ แถมรู้สึกไม่กะปรี้กะเปร่า เหนื่อยง่าย ไม่มีแรงบันดาลใจ วิธีแก้ของเราก็คือวันไหนเห็นแดดเราจะรีบออกนอกบ้านไปนั่งในสวนสาธารณะทันที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ชั่วโมงก็ยังดี

และความบ้าบอของอากาศที่นี่คือ บทฝนจะตกก็ตก บทท้องฟ้าจะครึ้มก็มืดมาเลยทันที คือมีความไบโพล่าสูงมากๆ ร่มนี่ก็พกได้บางพื้นที่เพราะอย่างทาวน์ที่เราอาศัยอยู่ก็คือลมแรงมากๆ อย่าว่าแต่ถือร่มเลย เดินยังไงให้ตัวไม่ปลิวให้ได้ก่อน

จากแต่ก่อนที่เวลาออกนอกบ้านชอบแต่งหน้าเขียนขอบตาปัดมาสคาร่า พอมาเจอฝนที่อังกฤษก็คือพอกันที ขอหน้าสดในทุกๆ วันแล้วกัน เพราะทั้งลมทั้งฝนเครื่องสำอางค์นี่เอาไม่อยู่

เดินรับแสดงแดนในสวนสาธารณะ ประเทศอังกฤษ

ความสะดวกสบายในชีวิต

จากที่เคยขับรถยนต์ไปไหนมาไหนสะดวกสบาย พอมาที่นี่ใบขับขี่คือไม่ได้ได้มาง่ายๆ ต้องเรียนขับรถเพื่อที่จะไปสอบใบขับขี่

ช่วงแรกรู้สึกเศร้ามากๆ เพราะตลอดเกือบ 10 เราขับรถมาตลอด เวลาไปไหนมาไหนก็จะสะดวกสบายไม่ต้องเผื่อเวลาสามารถวางแผนตัวเองได้ แต่พอมาอยู่อังกฤษแล้วแบบว่าต้องเดินเยอะมากๆ หนำซ้ำต้องเดินไปซื้อของอะไรแบบนี้คือรับไม่ได้ เดินไปน้ำตาไหลไปคิดถึงความสบายที่เมืองไทยมากๆ

ซึ่งตอนแรกเราอยากจะประหยัดไม่อยากนั่งแท็กซี่ แต่หลังๆ มานี้ เวลาไปทำงานรู้สึกเหนื่อยเริ่มไม่ไหวต้องใช้บริการที่แท็กซี่ตลอด ซึ่งแท็กซี่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะโบกเรียกได้เลยเหมือนที่ไทย ไม่ค่ะต้องจองเท่านั้น ซึ่งบางครั้งก็ต้องรอนานมากกกกก แต่บางครั้งก็มาเร็วเกินจนแบบเก็บของแทบไม่ทัน ครั้นจะต้องนั่งรถเมล์ก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะบางครั้งก็มาตรงเวลาเป๊ะ บางครั้งก็ดีเลย์หรือไม่มาเลยต้องรอรอบต่อไป แต่สำหรับคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อาจจะไม่ค่อยเจอกับปัญหานี้ ส่วนสำหรับเราอยู่ทาวน์เล็กๆ เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งถ้าวันนั้นไม่ใช้วันทำงานก็ถือว่าโอเคไม่เป็นไร แต่ถ้าวันไหนทำงานนั่นก็แปลว่าฉันสายแล้วจ้าวันนี้

นอกจากนี้ก็จะมีสิ่งอื่นๆ จิปาถะอีกมากมายที่ชีวิตที่ไทยเคยมีเคยจ้างเขาทำได้แต่พอมาอยู่ที่นี่แล้วต้องทำเองนั่นก็คือ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ซักรีดเสื้อผ้า ซ่อมแซมบ้านเล็กน้อยๆ จากที่แต่ก่อนเราสามารถใช้เงินซื้อเวลากับตรงนี้ได้ แต่พอมาที่นี่เราต้องแบ่งเวลามาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้เอง เพราะการจ้างทำสิ่งเหล่านี้ก็คือว่าแพงมากๆ ยกตัวอย่างเดือนก่อน ส้วมที่บ้านตัน ปั้มแล้วปั้มอีก ยังไงก็ไม่ลงเลยจำเป็นต้องโทรเรียกช่างมาในยามกลางคืน ซึ่งบริษัทที่เรียกมาแค่ค่ามาดูก็จะมีค่าบริการแล้ว 600 ปอนด์ พอมาถึงช่างบอกต้องเปลี่ยนส้วมใหม่ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มอีก 2,000 ปอนด์ และอีช่างก็มีให้แค่ 2 ทางเลือก คือ เปลี่ยนส้วมกับไม่ต้องซ่อมซึ่งเราก็ต้องเสียอยู่แล้ว 600 ปอนด์ค่าบริการเรียกมาดู คืนนั้นก็เลยจำใจเสียเงินไป 2,600 ปอนด์ (โล่งอกไปทีเงินแม่สามีไม่ใช่เงินเรา 555) คิดเป็นเงินไทยก็ 1 แสนบาท พอดิบพอดี ถ้าเป็นที่ไทยก็คือแบบได้ห้องน้ำใหม่กันไปเลย แต่นี่คือได้โถส้วมใหม่มา 1 อัน

นี่แหละค่ะ อะไรพวกนี้ที่เราเคยได้รับความสะดวกสบายที่ไทยมันก็หายไปทำให้รู้สึกแบบว่าคิดถึงเมืองไทยจังเลยอยากมีเงินเยอะๆ แล้วกลับไปอยู่ที่ไทย 555

ใช้รถสาธารณะในการเดินทางที่อังกฤษ

วัฒนธรรม

ความแตกต่างในการใช้ชีวิตก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องปรับตัวกันอย่างมากยิ่งสำหรับใครที่แต่งงานมาอยู่กับครอบครัวชาวอังกฤษเหมือนอย่างเราก็คือ ส่วนใหญ่คนที่นี่ยังชอบใส่รองเท้าในบ้านกัน ไม่ใส่ก็แค่ตอนนอนบนเตียงเท่านั้นเอง การที่เราไปเดินๆ อยู่ข้างนอกที่ฝนตกพื้นแฉะแล้วเดินเข้าบ้านมันทำให้เรารู้สึกว่าภายในบ้านนั้นมันสกปรกเลยทำให้เราต้องใส่รองเท้าตามทุกซอกทึกมุมของบ้านที่ไม่ใส่แค่ห้องนอนของเราเอง

การกินอาหารที่หากินใครกินมันไม่ได้มานั่งเตรียมสามมื้อทานพร้อมกันเหมือนที่ไทย แต่ข้อนี้เราไม่รู้สึกต้องปรับอะไรเพราะปกติก็ใช้ชีวิตแบบนี้ที่ไทยอยู่แล้วอาทิตย์นึงจะมี 1 มื้อที่ทุกคนจะร่วมกันทานมื้อค่ำพร้อมกัน

การล้างจานแบบล้างน้ำเดียวคือล้างน้ำยาล้างจานกับน้ำร้อนแล้วยกขึ้นชั้นวางทั้งๆ ที่ยังมีฟองอยู่เราเห็นตอนแรกนี่ต้องแบบเอาจานชามมาล้างอีกรอบ จนหลังๆ เราไม่ไหวเลยเปิดอกคุยกับแม่สามีเลยว่าฉันล้างจานแบบนี้ๆ นะ แรกๆ นางก็ทำตามที่ตกลงกันหลังมานางไม่ไหวเลยยกหน้าที่ล้างจานให้เราโดยปริยาย 5555

การคุยกันแบบ small talk รู้จักกันหรือไม่รู้จักกันก็สามารถคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ทั่วไปได้อย่างไม่รู้สึกแปลก ซึ่งสำหรับเรามันยังเป็นเรื่องที่ยากเนื่องจากเราค่อนข้าง introvert เราไม่ชอบเปิดบทสนทนาหรือถามคำถามกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่

และนอกจากนี้ยังมีอื่นๆ อีกมากมายซึ่งอย่างที่เราบอกไปตั้งแต่ต้นว่าสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สามารถปรับจูนกันได้ ถามว่ามันยากลำบากไหมบางอย่างก็มาก บางอย่างก็พอทนได้ บางอย่างเราก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่อที่จะสามารถอยู่ในสังคมตรงนี้ได้อย่างสบายใจและมีความสุข

ความแตกต่างในการใช้ชีวิต